ประวัติการศึกษาไทย
v สมัยโบราณ
การศึกษาสมัยนี้มีบ้าน วัด
เป็นศูนย์กลาง ผู้ชายส่วนใหญ่นิยมบวชเรียน
ผู้หญิงส่วนจะนิยมเรียนเย็บปักถักร้อย
v สมัยสุโขทัย
การศึกษาสมัยนี้จะแบ่งออกเป็น
2 รูปแบบ คือ รูปแบบของผู้ชายเน้นไปที่การบวชเป็นพระ ศึกษาคัมภีร์
ศึกษาพระไตรปิฎก ส่วนรูปแบบที่ 2 คือแบบผู้หญิงจะเน้นไปที่การเป็นกุลสตรีที่ดี
การเป็นแม่บ้านแม่เรือน สถานที่ที่ใช้ศึกษา คือ 1) บ้าน เป็นสถานที่ศึกษาแรกของทั้งชายและหญิง 2) วัด
เป็นสถานที่ศึกษาของผู้ชาย ส่วนหอเรือนจะเป็นสถานที่ศึกษาของผู้หญิง 3) สำนักพระราชบัณฑิต
จะเป็นสถานศึกษาของผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์
4) วัง
เป็นสถานที่ศึกษาของเชื้อราชวงศ์
v สมัยอยุธยา
การศึกษาสมัยนี้จะแบ่งออกเป็น
2 รูปแบบ คือ แบบทหาร และ แบบพลเรือน
แบบทหาร ส่วนใหญ่จะเรียนเกี่ยวศาสตราวุธต่างๆ
รวมทั้งศึกษาตำราพิชัยยุทธต่างๆ
แบบพลเรือน ส่วนใหญ่พลเรือนชายจะบวชเรียน ส่วนพลเรือนหญิงจะเรียนเย็บปักถักร้อยเพื่อออกเรือน
ในสมัยนี้มีการสร้างตำราเรียนขึ้น
ชื่อว่า จินดามณี และมีการตั้งโรงเรียนมิชชันนารีขึ้น
v สมัยธนบุรี
การศึกษาในสมัยนี้ศูนย์กลางการศึกษาจะอยู่ที่วัด
โดยจะมีพระสงฆ์เป็นคนสอนหนังสือ ส่วนด้านอาชีพ
พ่อและแม่ทำอาชีพอะไรจะสอนให้ลูกทำอาชีพนั้น
ส่วนผู้หญิงไทยในสมัยนี้น้อยคนนักที่จะได้รับการศึกษา
v สมัยรัตนโกสินทร์
ในสมัยนี้มีการจัดการศึกษาโดยให้เด็กชายไทยนั้นเข้าวัดเพื่อเรียน
อ่าน และเขียน
ส่วนชนชั้นขุนนางนั้นจะเน้นในเรื่องการเรียนปรัชญา เครื่องกล เครื่องมือต่างๆ ในสมัยนี้ยังไม่ส่งเสริมให้สตรีไทยได้รับการศึกษา
v สมัยใหม่
การศึกษาสมัยนี้ได้นำเอาการศึกษาแบบตะวันตกเข้าเกี่ยวข้อง มีความทัดเท่าเทียมกันทางการศึกษา
มีการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการศึกษา ในสมัยนี้จะไม่มีการเฆี่ยนตี
การพัฒนาการศึกษาของไทย
ในสมัยก่อนการศึกษาไทยจะอยู่ตามบ้าน วัด
และวัง การศึกษาในบ้าน จะเป็นการฝึกฝนวิชาชีพ
ในวัดจะเป็นสถานที่ศึกษาสำหรับผู้ชาย
ซึ่งจะเน้นหนักไปทางจริยธรรมและภาษาบาลีเพื่อบวชเรียนต่อไป ส่วนการศึกษาในวัง
จะมีการศึกษาสูงกว่าแต่จะมีในวงจำกัดแค่พระราชวงศ์และข้าราชการในพระสำนักเท่านั้น
มีการโปรดเกล้าให้สอนภาษาอังกฤษในวัง มีการจัดตั้งโรงเรียนหลวงเพื่อขยายการศึกษาไปสู่ทวยราษฎร์
คือ โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ส่วนการศึกษาไทยในปัจจุบันเป็นการศึกษาที่เปิดกว้าง
โดยมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาพัฒนารูปแบบในการจัดการศึกษา
เพื่อให้ก้าวทันโลกยุคใหม่
การปฏิรูปการศึกษาไทย
คุณภาพการศึกษาไทยที่พบเจอในโลกแห่งความจริง
Ø เด็กไทยอ่านออก
เขียนได้ ในระดับจำกัด
Ø เด็กไทยจำนวนมากไม่มีโอกาสได้เรียนระดับสูง
Ø ท่องจำ
แต่ไม่เข้าใจ
Ø บัณฑิตไม่สามารถทำงานได้
ทำงานไม่เป็น
อะไรที่ทำให้การศึกษาไทยล้มเหลว
Ø ขาดความรับผิดชอบ
Ø หลักสูตร
เน้นท่องจำมากกว่าสอนให้คิดเป็น
หลักสูตรแห่งศตวรรษที่
21 : คิดเป็น ทำเป็น และเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต
ลักษณะของหลักสูตรที่ดี
:
กระชับ บูรณาการ หลักสูตรช่างคิด
การทดสอบที่ดี
:
ทำให้คิดเป็น ประยุกต์ใช้ในปัจจุบันและอนาคตได้
เป้าหมายของการศึกษาที่ดี
คือ
การมุ่งเน้นพัฒนาความฉลาดและความสามารถของผู้เรียนอย่างน้อย 3 ด้าน คือ ความฉลาดทางปัญญา ( IQ )
ความฉลาดทางอารมณ์ ( EQ ) และ ความฉลาดทางสังคม ( SQ )
สถานการณ์การศึกษาไทย 2557
การวิจัยพบว่า
การศึกษาของไทยด้อยและแย่ที่สุด เด็กไทยเพียงแค่ 1 ใน 3 คนที่จะมีโอกาสเข้าโรงเรียนที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานขั้นต่ำ
ความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาการศึกษาไทย
Ø จัดมาตรฐานโรงเรียนแต่ละโรงเรียนให้เท่าเทียมกัน
ไม่แบ่งคนรวยคนจน เก็บค่าเทอมให้เท่ากัน
Ø หาครูดีๆ
สอบแย่งเพื่อเป็นครู ไม่ใช่รับคนที่หางานทำไม่ได้ แล้วมาสอบแย่งเพื่อเป็นครู
Ø เรียนเพื่อใช้
ไม่ใช่เรียนเพื่อสอบอย่างเดียว
Ø ครูต้องมีคุณภาพ
และเป็นตัวอย่างที่ดีให้นักเรียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น