วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2558

สรุปย่อปรัชญาการศึกษา


vปรัชญาสารัตถนิยม (Essentialism)
ความเชื่อตามปรัชญานี้ ผู้เรียนก็คือดวงจิตเล็ก ๆ และประกอบด้วยระบบประสาทสัมผัส ครูคือต้นแบบที่ดีที่มีความรู้จึงจำเป็นต้องทำหน้าที่อบรมสั่งสอนนักเรียนโดยการแสดงการสาธิต หรือเป็นนักสาธิตให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และเห็นอย่างจริงจัง ผู้สอนจะพยายามชี้แจงและให้เหตุผลต่างๆนานา เพื่อให้ผู้เรียนคล้อยตามและยอมรับหลักการ ความคิดและค่านิยมที่ครูนำมาให้ วิธีที่ครูส่งเสริมมากคือ การรับรู้และการจำในการสอนจะคำนึงถึงมาตรฐานทางวิชาการมากกว่าคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและเพื่อให้การถ่ายทอดและการรับรู้ของนักเรียนบังเกิดผลสูงสุด จึงเน้นการบรรยาย หรือการพูดของครูมากเป็นพิเศษในการปฏิบัติจริงจะออกมาในรูปของการทดสอบความสามารถในการจำมากกว่าการทดสอบความสามารถในการคิด การใช้เหตุผล หรือความเข้าใจในหลักการ
vปรัชญาพิพัฒนาการนิยม (Progressivism)
เน้นให้นักเรียนเป็นบุคคลมีทักษะพร้อมที่จะปฏิบัติงานได้ ครูนั้นเป็นเพียงผู้นำ การนำความคิดให้ไปสู่การกระทำ  เน้นใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาตัวผู้เรียน ทำให้เกิดวิธีการในการพัฒนาหลักสูตร และการสอนแบบเน้นเด็กเป็นศูนย์กลาง ทำให้เกิดวิธีการเรียนแบบแก้ปัญหา หรือ เรียนด้วยการปฏิบัติ การพัฒนาคือการเปลี่ยนแปลง คนเราจะหยุดพัฒนาไม่ได้ ดังนั้นการเรียนรู้ของคนเราจึงมิได้หยุดอยู่แต่ในโรงเรียนเท่านั้น แต่จะดำเนินไปตลอดชีวิตของผู้เรียน ทำให้เกิดความเชื่อว่า การศึกษาคือชีวิต (Education is Life
vปรัชญานิรันตรนิยม (Perenialism)
มีความเชื่อที่ว่า หลักการของความรู้ จะต้องมีลักษณะจีรังยั่งยืนอย่างแท้จริง คงที่ ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเราควรอนุรักษ์และถ่ายทอดให้ใช้ได้ในปัจจุบันและอนาคต พลังแห่งเหตุผลของมนุษย์ผนวกกับแรงศรัทธา คือ เครื่องมือทางความรู้  นับถือลักษณะของการศึกษาที่ยึดหลักการฝึกอบรมให้เป็นบุคคลที่ดีมีเหตุผล ทั้งนี้โดยมีเป้าหมายที่จะให้ผู้เรียนสามารถค้นพบชีวิตที่มีความสุขและมีเหตุผลตามหลักของศาสนาเป็นประการสำคัญ
vปรัชญาสาขาปฏิรูปนิยม (Reconstructionism)
จะเน้นการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ ความสามารถและทัศนคติที่จะออกไปปฏิรูปสังคมให้ดีขึ้น เนื้อหาวิชาและประสบการณ์ที่เลือกมาบรรจุในหลักสูตรจะเกี่ยวกับสภาพและปัญหาของสังคมเป็นส่วนใหญ่ การสอนจะมุ่งเน้นกระบวนการประชาธิปไตยเพื่อการเป็นสมาชิกที่ดีในสังคม การพัฒนาผู้เรียนให้ตระหนักในบทบาทหน้าที่ของตนที่มีต่อสังคมและการปฏิรูปให้สังคมดีขึ้น
vปรัชญาอัตถิภาวนิยม (Existentialism)
มุ่งเน้นพัฒนาให้มีอิสรภาพและมีความรับผิดชอบ ครูเป็นเพียงผู้กระตุ้น และปรัชญานี้มีความเชื่อว่า ธรรมชาติของคน สภาพแวดล้อมทางสังคมเป็นสิ่งที่ไม่ตายตัว คนแต่ละคนสามารถกำหนดชีวิตของตนเองได้ เพราะมีอิสระในการเลือกทุกสิ่งทุกอย่างไม่อยู่คงที่แต่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
vปรัชญาพุทธปรัชญา
เป็นปรัชญาที่ได้แนวคิดมาจากพระพุทธศาสนา (Buddhism) และปรัชญาการศึกษาอื่นๆ การศึกษาในพุทธปรัชญา คือ การศึกษาเพื่อให้เข้าใจความจริง เข้าใจความหมายของชีวิต ทั้งดำรงชีวิตให้สอดคล้องสัมพันธ์กับความจริงโดยใช้เหตุและผล พุทธปรัชญามีจุดมุ่งหมายจะต้องมุ่งพัฒนาโลภ โกรธ หลงให้ลดลง และพัฒนาความรู้ ความจำ นิสัยและอื่นๆในทางที่เหมาะสม เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

วิวัฒนาการศึกษาไทย


ประวัติการศึกษาไทย

v สมัยโบราณ

การศึกษาสมัยนี้มีบ้าน วัด เป็นศูนย์กลาง  ผู้ชายส่วนใหญ่นิยมบวชเรียน ผู้หญิงส่วนจะนิยมเรียนเย็บปักถักร้อย

v สมัยสุโขทัย

การศึกษาสมัยนี้จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ รูปแบบของผู้ชายเน้นไปที่การบวชเป็นพระ ศึกษาคัมภีร์ ศึกษาพระไตรปิฎก ส่วนรูปแบบที่ 2 คือแบบผู้หญิงจะเน้นไปที่การเป็นกุลสตรีที่ดี การเป็นแม่บ้านแม่เรือน สถานที่ที่ใช้ศึกษา คือ 1) บ้าน  เป็นสถานที่ศึกษาแรกของทั้งชายและหญิง  2) วัด เป็นสถานที่ศึกษาของผู้ชาย  ส่วนหอเรือนจะเป็นสถานที่ศึกษาของผู้หญิง  3) สำนักพระราชบัณฑิต จะเป็นสถานศึกษาของผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์  4) วัง  เป็นสถานที่ศึกษาของเชื้อราชวงศ์

v สมัยอยุธยา

การศึกษาสมัยนี้จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ แบบทหาร และ แบบพลเรือน

แบบทหาร  ส่วนใหญ่จะเรียนเกี่ยวศาสตราวุธต่างๆ รวมทั้งศึกษาตำราพิชัยยุทธต่างๆ

แบบพลเรือน  ส่วนใหญ่พลเรือนชายจะบวชเรียน ส่วนพลเรือนหญิงจะเรียนเย็บปักถักร้อยเพื่อออกเรือน

ในสมัยนี้มีการสร้างตำราเรียนขึ้น ชื่อว่า จินดามณี และมีการตั้งโรงเรียนมิชชันนารีขึ้น

v สมัยธนบุรี

การศึกษาในสมัยนี้ศูนย์กลางการศึกษาจะอยู่ที่วัด โดยจะมีพระสงฆ์เป็นคนสอนหนังสือ ส่วนด้านอาชีพ พ่อและแม่ทำอาชีพอะไรจะสอนให้ลูกทำอาชีพนั้น ส่วนผู้หญิงไทยในสมัยนี้น้อยคนนักที่จะได้รับการศึกษา

v สมัยรัตนโกสินทร์

ในสมัยนี้มีการจัดการศึกษาโดยให้เด็กชายไทยนั้นเข้าวัดเพื่อเรียน อ่าน และเขียน  ส่วนชนชั้นขุนนางนั้นจะเน้นในเรื่องการเรียนปรัชญา เครื่องกล เครื่องมือต่างๆ  ในสมัยนี้ยังไม่ส่งเสริมให้สตรีไทยได้รับการศึกษา

v สมัยใหม่

การศึกษาสมัยนี้ได้นำเอาการศึกษาแบบตะวันตกเข้าเกี่ยวข้อง  มีความทัดเท่าเทียมกันทางการศึกษา มีการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการศึกษา ในสมัยนี้จะไม่มีการเฆี่ยนตี

 

การพัฒนาการศึกษาของไทย

          ในสมัยก่อนการศึกษาไทยจะอยู่ตามบ้าน วัด และวัง  การศึกษาในบ้าน จะเป็นการฝึกฝนวิชาชีพ  ในวัดจะเป็นสถานที่ศึกษาสำหรับผู้ชาย ซึ่งจะเน้นหนักไปทางจริยธรรมและภาษาบาลีเพื่อบวชเรียนต่อไป  ส่วนการศึกษาในวัง จะมีการศึกษาสูงกว่าแต่จะมีในวงจำกัดแค่พระราชวงศ์และข้าราชการในพระสำนักเท่านั้น มีการโปรดเกล้าให้สอนภาษาอังกฤษในวัง มีการจัดตั้งโรงเรียนหลวงเพื่อขยายการศึกษาไปสู่ทวยราษฎร์ คือ โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ  ส่วนการศึกษาไทยในปัจจุบันเป็นการศึกษาที่เปิดกว้าง โดยมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาพัฒนารูปแบบในการจัดการศึกษา เพื่อให้ก้าวทันโลกยุคใหม่

การปฏิรูปการศึกษาไทย

          คุณภาพการศึกษาไทยที่พบเจอในโลกแห่งความจริง

Ø เด็กไทยอ่านออก เขียนได้ ในระดับจำกัด

Ø เด็กไทยจำนวนมากไม่มีโอกาสได้เรียนระดับสูง

Ø ท่องจำ แต่ไม่เข้าใจ

Ø บัณฑิตไม่สามารถทำงานได้ ทำงานไม่เป็น

อะไรที่ทำให้การศึกษาไทยล้มเหลว

Ø ขาดความรับผิดชอบ

Ø หลักสูตร เน้นท่องจำมากกว่าสอนให้คิดเป็น

หลักสูตรแห่งศตวรรษที่ 21 : คิดเป็น ทำเป็น และเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต

ลักษณะของหลักสูตรที่ดี : กระชับ บูรณาการ หลักสูตรช่างคิด

การทดสอบที่ดี : ทำให้คิดเป็น ประยุกต์ใช้ในปัจจุบันและอนาคตได้

เป้าหมายของการศึกษาที่ดี คือ การมุ่งเน้นพัฒนาความฉลาดและความสามารถของผู้เรียนอย่างน้อย 3 ด้าน คือ ความฉลาดทางปัญญา ( IQ ) ความฉลาดทางอารมณ์ ( EQ ) และ ความฉลาดทางสังคม ( SQ )

สถานการณ์การศึกษาไทย 2557

การวิจัยพบว่า การศึกษาของไทยด้อยและแย่ที่สุด เด็กไทยเพียงแค่ 1 ใน 3 คนที่จะมีโอกาสเข้าโรงเรียนที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานขั้นต่ำ

ความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาการศึกษาไทย

Ø จัดมาตรฐานโรงเรียนแต่ละโรงเรียนให้เท่าเทียมกัน ไม่แบ่งคนรวยคนจน เก็บค่าเทอมให้เท่ากัน

Ø หาครูดีๆ สอบแย่งเพื่อเป็นครู ไม่ใช่รับคนที่หางานทำไม่ได้ แล้วมาสอบแย่งเพื่อเป็นครู

Ø เรียนเพื่อใช้ ไม่ใช่เรียนเพื่อสอบอย่างเดียว

Ø ครูต้องมีคุณภาพ และเป็นตัวอย่างที่ดีให้นักเรียน